Show Notes
- พิกัด Lazada/Shopee: https://9natree.top/book/ForgivingWhatYouCantForget
- พิกัด Kinokuniya: https://9natree.top/p/Kinokuniya/ForgivingWhatYouCantForget
- Kindle [EN] : https://www.amazon.com/dp/B085XNMMHV?tag=9natree-20
#ForgivingWhatYouCantForget #รีวิวForgivingWhatYouCantForget #สรุปForgivingWhatYouCantForget #หนังสือForgivingWhatYouCantForget
1. ทำไมการให้อภัยจึงมักรู้สึกเป็นเรื่องยากและท้าทาย?
การให้อภัยมักรู้สึกยากเพราะมันเกี่ยวข้องกับความเจ็บปวดอย่างลึกซึ้ง และความรู้สึกไม่ยุติธรรม ผู้เขียนเองก็ยอมรับว่าเธอชอบแนวคิดเรื่องการให้อภัยจนกว่าเธอจะกลายเป็นคนที่เจ็บปวดเสียเอง ในสภาวะที่บาดแผลลึกซึ้ง การให้อภัยอาจดูเหมือนเป็นเรื่องที่น่ารังเกียจ เป็นไปไม่ได้ และเป็นวิธีที่รวดเร็วที่สุดในการเพิ่มความไม่ยุติธรรมจากการถูกกระทำผิด มันเป็นเรื่องธรรมชาติที่จะร้องขอความยุติธรรมและต้องการให้ผู้ที่ทำผิดได้รับการแก้ไข แต่การยึดติดกับความรู้สึกเหล่านี้และการรวมกลุ่มกับผู้ที่เห็นด้วยอาจทำให้เราติดอยู่ในความเจ็บปวดนั้น เหมือนกับการยืนกรานอยู่ในลานจอดรถในขณะที่เพื่อนๆ กำลังสนุกสนานบนชายหาด ความรู้สึกที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขเหล่านี้สามารถแสดงออกมาในรูปแบบต่างๆ เช่น การบ่น การเงียบงัน การบงการ และการควบคุม
2. การให้อภัยที่แท้จริงหมายถึงอะไร และมันแตกต่างจากการคืนดีอย่างไร?
การให้อภัยเป็นการตัดสินใจที่จะไม่ปล่อยให้ผู้ที่ทำร้ายเรามาจำกัด ขีดเส้น หรือฉายภาพความเท็จที่พวกเขาเชื่อเกี่ยวกับตัวเองใส่เรา มันเป็นเรื่องระหว่างคุณกับพระเจ้า และไม่ได้ขึ้นอยู่กับการกลับมาคืนดีหรือการยอมรับผิดจากอีกฝ่าย การคืนดีหรือการกลับมาคบหาใหม่ต้องอาศัยคนสองคนที่เต็มใจทำงานหนักเพื่อกลับมารวมกัน พระเจ้าสามารถไถ่ถอนชีวิตของเราได้ แม้ว่าความสัมพันธ์ที่เสียหายจะไม่กลับมาเหมือนเดิม การให้อภัยจึงไม่ใช่การทำอะไรบางอย่างเพื่อความสัมพันธ์ของมนุษย์เสมอไป แต่เป็นการเชื่อฟังสิ่งที่พระเจ้าทรงบัญชาเราให้ทำ
3. จะทำอย่างไรเมื่อรู้สึกว่าไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้?
แหล่งที่มาบอกว่าแนวคิดเรื่อง "การให้อภัยตัวเอง" ไม่ได้อยู่ในพระคัมภีร์ เนื่องจากเราไม่สามารถบรรลุความรอดได้หากปราศจากพระเจ้า เราจึงไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้ การให้อภัยเริ่มต้นจากพระเจ้า เมื่อเราต่อสู้กับการให้อภัยตัวเอง สิ่งที่เกิดขึ้นจริงคือการดิ้นรนที่จะยอมรับและดำเนินชีวิตอยู่ในการให้อภัยของพระเจ้าอย่างเต็มที่ ศัตรูต้องการให้เราใช้ชีวิตอยู่ในความรู้สึกผิดบาปที่ไม่ได้มาจากพระเจ้า และให้เราแบกรับความละอายที่ทำให้เราไม่สามารถเป็นพยานถึงสิ่งที่พระเยซูทรงกระทำบนไม้กางเขน การให้อภัยตัวเองเกิดขึ้นได้โดย:
การยอมรับสารภาพบาป กลับใจ และขอการให้อภัยจากพระเจ้า และประกาศรับการให้อภัยนั้นออกมา
การระลึกว่าความละอายและการกล่าวโทษมาจากศัตรู และพระเจ้าสามารถใช้ความเจ็บปวดของเราให้เกิดผลดีได้
การปล่อยให้ประสบการณ์อันเจ็บปวดทำให้ใจเราอ่อนโยนและมีเมตตาต่อผู้อื่นที่ทำผิดพลาด
4. บทบาทของพระเจ้าในการให้อภัยและการเยียวยาคืออะไร?
พระเจ้าเป็นผู้รักษาหัวใจที่แตกสลายและพันบาดแผลของเรา พระองค์ได้ประทานพระวิญญาณของพระองค์มาสถิตอยู่ในเราเพื่อช่วยเราในความอ่อนแอของเรา เมื่อการให้อภัยรู้สึกเป็นไปไม่ได้ เราสามารถขอให้พระวิญญาณทูลขอแทนเราได้ พระเจ้าทรงทำงานเพื่อความดีของผู้ที่รักพระองค์เสมอ แม้ว่าสิ่งที่เราเห็นจะดูสับสนหรือไม่ใช่สิ่งที่เราคาดหวัง พระองค์ทรงเป็นผู้พิพากษาและผู้ปกป้องของเรา และทรงสามารถนำสิ่งดีออกมาจากทุกสถานการณ์ ไม่ใช่ว่าพระเจ้าเป็นสาเหตุของความเจ็บปวด แต่พระองค์ทรงตระหนักถึงมันและมีแผนที่จะนำสิ่งเหล่านี้มาถักทอเป็นสิ่งที่ดี
5. ทำไมความขมขื่นจึงเป็น "ข้อตกลงที่ไม่ดี" และจะเอาชนะมันได้อย่างไร?
ความขมขื่นเป็น "ข้อตกลงที่ไม่ดี" ที่ให้คำมั่นสัญญาอันยิ่งใหญ่ในตอนแรก แต่กลับไม่ให้สิ่งที่เราต้องการจริงๆ ในตอนท้าย มันทำให้สันติสุขของเราถูกจับเป็นตัวประกันและทำให้เรายังคงอยู่ในความเจ็บปวด ความขมขื่นไม่สอนบทเรียนให้อีกฝ่ายและไม่ปกป้องเรา แต่กลับทำให้เราเลือกที่จะอยู่ในความเจ็บปวด การเปลี่ยนใจไปสู่ความขมขื่นคือการหันหลังให้กับพระเจ้า มีเพียงพระเจ้าเท่านั้นที่มีสิ่งที่เราต้องการอย่างแท้จริง การเพิ่มความถ่อมตนของเราในสถานการณ์นั้นยอมรับความไม่ยุติธรรมที่เรารู้สึก แต่ยืนยันความไว้วางใจในพระเจ้าที่จะทรงกระทำสิ่งที่จำเป็นในใจของพวกเขาและในใจของเรา
6. การกำหนดขอบเขตในความสัมพันธ์มีความสำคัญอย่างไรในการดำเนินชีวิตที่ให้อภัย?
การกำหนดขอบเขตมีความสำคัญอย่างยิ่งในการรักษาสุขภาพทางอารมณ์และจิตวิญญาณ ในความสัมพันธ์ การไม่ให้อภัยอาจทำให้ความอ่อนโยนของเราลดลงกลายเป็นคำพูดที่แสดงความโกรธและความขุ่นเคือง เปลี่ยนความก้าวหน้าในการให้อภัยเป็นความขมขื่น และเปลี่ยนความปรารถนาในการคืนดีไปสู่การตอบโต้ ขอบเขตเป็นทางเลือกของเรา 100% ไม่ใช่ของอีกฝ่าย การจัดสรรพลังงานของเราไปกับการเลือกที่เราสามารถทำได้เพื่อให้มีสุขภาพที่ดีในขณะที่ยังคงแสดงความเมตตาให้มากที่สุดเท่าที่ศักยภาพทางจิตวิญญาณของเราจะเอื้ออำนวยนั้นเป็นสิ่งที่มีประโยชน์มากกว่า การใช้คำว่า "การช่วยเหลือ" หมายถึงการทำงานอย่างหนักกับปัญหาของผู้อื่นมากกว่าที่พวกเขาทำเอง การละเมิดขอบเขตของเราโดยไม่มีผลลัพธ์ และการสนับสนุนพฤติกรรมที่ไม่ดีโดยการปกป้อง อธิบาย หรือเก็บความลับ
7. พระคัมภีร์กล่าวถึงการให้อภัยอย่างไร และมีการยกเว้นหรือไม่?
พระคัมภีร์บัญชาให้เราให้อภัย เพราะเราได้รับการอภัยจากพระเจ้า การให้อภัยเป็นส่วนหนึ่งของคำอธิษฐานที่พระเยซูทรงสอนเราให้สวดทุกวัน ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามันควรเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของเราเท่ากับการกินและการนอน อย่างไรก็ตาม พระคัมภีร์ยังระบุสถานการณ์ที่การคืนดีเป็นสิ่งต้องห้าม เช่น เมื่อบุคคลนั้นเป็นผู้ที่กระทำทารุณกรรม ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ และเป็นอันตรายทั้งทางอารมณ์ ร่างกาย และจิตวิญญาญ แต่ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะใดของการคืนดี การให้อภัยคือสิ่งที่พระเยซูประทานให้ เป็นแบบอย่างให้เรา และเรียกร้องให้เรากระทำ
8. เราจะสามารถใช้ชีวิตที่ให้อภัยและก้าวไปข้างหน้าได้อย่างไรในทางปฏิบัติ?
การให้อภัยคือทั้งการตัดสินใจและกระบวนการ แต่ละการกระทำผิดต้องมีช่วงเวลาที่ชัดเจนในการปล่อยการไม่อภัยที่คุกคามว่าจะจับเราเป็นตัวประกันและขัดขวางไม่ให้เราก้าวไปข้างหน้า แม้แต่การให้อภัยที่ไม่สมบูรณ์และเต็มไปด้วยความลังเลก็ยังดีกว่าการปล่อยให้ความขมขื่นครอบงำหัวใจเรา ในการดำเนินชีวิตที่ให้อภัย ควร:
ยอมรับความเจ็บปวดและตระหนักว่ามันเป็นโอกาสที่จะหยุดวงจรแห่งการทำร้าย
แยกการเยียวยาของเราออกจากการสำนึกผิดของผู้อื่น การเยียวยาของเราไม่สามารถมีเงื่อนไขขึ้นอยู่กับความเต็มใจของผู้อื่นที่จะขอการให้อภัยของเรา
รับรู้ถึง "ผลกระทบ" ของการบาดเจ็บ ซึ่งหมายถึงผลกระทบต่อเนื่องที่การกระทำผิดมีต่อชีวิตของเรา แม้ว่าการกระทำนั้นจะได้รับการให้อภัยไปแล้วก็ตาม
เมื่อถูกกระตุ้น ให้ให้อภัยซ้ำอีกครั้งสำหรับผลกระทบที่ยังคงมีอยู่
เปลี่ยนมุมมองของเราโดยพิจารณาว่าเราอาจมองสิ่งต่างๆ ผิดไป และยอมรับว่าการให้อภัยอาจเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดที่เราเคยทำ
จงรู้ว่าพระเจ้าทรงเห็นภาพรวมทั้งหมดและทรงมีแผนที่จะถักทอทุกสิ่งให้เป็นสิ่งที่ดี
ฝึกฝนความถ่อมตน เพราะความถ่อมตนเชิญชวนให้ความเข้มแข็งของพระเจ้าเข้ามาในชีวิตของเรา
ระลึกว่าเราไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้ แต่เราสามารถยอมรับการให้อภัยของพระเจ้าได้
สร้างขอบเขตที่ดีต่อสุขภาพเพื่อปกป้องความสงบสุขของเรา และเพื่อให้แน่ใจว่าเราไม่ได้ "ช่วย" พฤติกรรมที่ไม่ดีของผู้อื่น
รับรู้ว่าการให้อภัยคือการทำให้ผู้ที่ทำร้ายเราไม่สามารถจำกัด ขีดเส้น หรือฉายภาพความเท็จที่พวกเขาเชื่อเกี่ยวกับตัวเองใส่เราได้อีกต่อไป