[รีวิว] Becoming Supernatural (Joe Dispenza) สรุปหนังสือ

ประเด็นที่น่าสนใจของหนังสือ Becoming Supernatural เขียนโดย Joe Dispenza

- พิกัด Lazada/Shopee: https://9natree.top/book/BecomingSupernatural
- พิกัด Kinokuniya: https://9natree.top/p/Kinokuniya/BecomingSupernatural
- Kindle [EN] : https://www.amazon.com/dp/B0746RN3G7?tag=9natree-20

#BecomingSupernatural #รีวิวBecomingSupernatural #สรุปBecomingSupernatural #หนังสือBecomingSupernatural

1. หนังสือ "Becoming Supernatural" กล่าวถึงอะไรบ้าง และอะไรคือเป้าหมายหลัก?
หนังสือ "Becoming Supernatural: How Common People Are Doing the Uncommon" ของ Dr. Joe Dispenza มีเป้าหมายหลักคือการตอบคำถามที่ว่า "เราจะทำอย่างไร? เราจะปลุกศักยภาพอันยอดเยี่ยมในชีวิตประจำวันของเราได้อย่างไร?" โดยเน้นย้ำว่าทุกคนมีศักยภาพในการเป็น "เหนือธรรมชาติ" ที่ซ่อนอยู่ภายใน ซึ่งสามารถปลุกและกระตุ้นให้ตื่นขึ้นได้ ผู้เขียนต้องการแสดงให้เห็นว่าเราสามารถสร้างชีวิตที่ดีขึ้นสำหรับตัวเอง และเราไม่ใช่แค่สิ่งมีชีวิตที่ใช้ชีวิตแบบเส้นตรง แต่เป็นสิ่งมีชีวิตหลายมิติที่ใช้ชีวิตแบบหลายมิติ หนังสือเล่มนี้รวบรวมข้อมูลจากสาขาวิทยาศาสตร์ที่แข็งแกร่ง เช่น เอพิจีเนติกส์, ชีววิทยาระดับโมเลกุล, นิวโรคาร์ดิโอโลจี และฟิสิกส์ควอนตัม เพื่อเปิดประตูสู่กระบวนทัศน์ใหม่ของการเสริมสร้างศักยภาพในตนเอง

2. Dr. Joe Dispenza อธิบายถึงประสบการณ์ "เหนือธรรมชาติ" อย่างไร และมีตัวอย่างที่น่าสนใจอะไรบ้าง?
Dr. Joe Dispenza อธิบายถึงประสบการณ์ "เหนือธรรมชาติ" ผ่านการเชื่อมโยงวิทยาศาสตร์เข้ากับประสบการณ์ส่วนตัวและปรัชญา ในหนังสือมีการกล่าวถึงตำนานโยคีชื่อมิลาเรปะ ที่สามารถกดมือลงไปในผนังถ้ำหินได้ราวกับว่าหินนั้นไม่มีอยู่ ซึ่งสะท้อนแนวคิดว่าเราถูกจำกัดในชีวิตด้วยขีดจำกัดของความเชื่อของเราเองเท่านั้น ผู้เขียนยังแบ่งปันประสบการณ์ลึกลับส่วนตัวที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของเขา เช่น การที่เขาสัมผัสได้ถึงความเป็นหนึ่งเดียวกับทุกสิ่ง และการที่ต่อมไพเนียลทำหน้าที่เหมือน "นาฬิกามิติ" ที่ทำให้เขาสามารถเข้าถึงช่วงเวลาและมิติต่างๆ ได้ รวมถึงประสบการณ์การเดินทางย้อนเวลาไปในอดีตชาติที่เขาได้เผชิญหน้ากับผู้ทรมานที่เขารู้จักในชีวิตปัจจุบัน แสดงให้เห็นว่ามี "ชาติภพที่เป็นไปได้มากมายที่อยู่ในปัจจุบันนิรันดร์"

3. "ช่วงเวลาปัจจุบัน" มีความสำคัญอย่างไรต่อการปลดล็อกศักยภาพเหนือธรรมชาติ?
การเข้าใจและเชี่ยวชาญ "ช่วงเวลาปัจจุบัน" หรือ "ปัจจุบันนิรันดร์" เป็นพื้นฐานสำคัญในการสัมผัสประสบการณ์เหนือธรรมชาติ เช่น การเยียวยาร่างกาย การสร้างโอกาสใหม่ๆ และการมีประสบการณ์ลึกลับ ผู้เขียนอธิบายว่าการที่จะสร้างชีวิตหรือโชคชะตาใหม่ได้ เราต้องก้าวข้ามตัวตนที่เราคิดว่าเป็นและวิธีที่เราถูกปรับสภาพให้เชื่อว่าโลกทำงานอย่างไร การอยู่ในปัจจุบันหมายถึงการก้าวข้ามโลกทางกายภาพ รวมถึงร่างกาย ตัวตน และสิ่งแวดล้อม และแม้แต่ก้าวข้ามเวลาเอง เพื่อเข้าสู่สภาวะที่ไร้ซึ่งอดีตและอนาคต ซึ่งเป็นที่ที่ความเป็นไปได้ทั้งหมดในทุ่งควอนตัมดำรงอยู่ เมื่อเราละความสนใจจากสิ่งต่างๆ ในโลกภายนอกและเรียกพลังงานกลับคืนมา เราจะสามารถปลดปล่อยตัวเองจากพันธนาการของอดีตและเปิดรับความเป็นไปได้ใหม่ๆ

4. สมองและร่างกายสัมพันธ์กับการสร้างความเป็นจริงของเราอย่างไร?
Dr. Joe Dispenza อธิบายว่าสมองของเราสร้าง "จิต" เมื่อเนื้อเยื่อประสาทในสมองหรือร่างกายถูกกระตุ้น ทำให้ "จิต" คือสมองที่ทำงานอยู่ หากเรามีความคิดที่หวาดกลัว เราจะรู้สึกกลัว ซึ่งอารมณ์นี้จะส่งผลให้เราคิดถึงสิ่งที่เป็นภัยมากขึ้น และวนเวียนอยู่ในวงจรที่ความคิดสร้างความรู้สึกและความรู้สึกสร้างความคิด ซึ่งทำให้ "สถานะการเป็นอยู่" ทั้งหมดของเราอยู่ในอดีต อย่างไรก็ตาม หากเราสามารถจดจ่อกับภาพเฉพาะในใจและอยู่กับลำดับความคิดและความรู้สึกซ้ำๆ สมองและร่างกายจะไม่สามารถแยกแยะความแตกต่างระหว่างสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกภายนอกกับสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกภายในได้ ซึ่งหมายความว่าการฝึกซ้อมทางจิต สามารถเปลี่ยนแปลงชีววิทยาของเราได้ โดยทำให้สมองและร่างกายของเราแสดงออกราวกับว่าประสบการณ์นั้นได้เกิดขึ้นจริงแล้ว การที่ความคิดและพลังงานของเรามุ่งไปที่ผู้คน สถานที่ และสิ่งของเดิมๆ ในโลกภายนอกเป็นการผูกมัดพลังงานสร้างสรรค์ของเราไว้กับ "สิ่งที่รู้จัก" ซึ่งเป็นอดีตของเรา

5. เราจะใช้พลังงานในร่างกายเพื่อสร้างความเป็นจริงใหม่ได้อย่างไร?
พลังงานที่ติดค้างอยู่ในร่างกายจากอารมณ์ความรู้สึกในอดีต สามารถถูกปลดปล่อยและยกระดับขึ้นสู่จุดประสงค์ที่สูงขึ้นได้ โดยเฉพาะการใช้เทคนิคการหายใจและการตั้งสมาธิ Dr. Dispenza อธิบายว่าการที่สมองผลิตคลื่นเบต้าในระดับสูงเมื่อร่างกายหลั่งฮอร์โมนความเครียด ทำให้เราตื่นตัวต่ออันตรายในสิ่งแวดล้อม แต่เมื่อเราเข้าสู่สภาวะแกมมา ความตื่นตัวจะเกี่ยวข้องกับประสบการณ์ที่สร้างสรรค์หรือลึกลับมากขึ้น การฝึกสมาธิที่เน้นการหายใจและจดจ่อไปที่พื้นที่รอบๆ ร่างกาย สามารถเปลี่ยนคลื่นสมองจากเบต้าที่ไม่สอดคล้องกันไปเป็นอัลฟ่าและธีต้าที่สอดคล้องกัน ซึ่งช่วยให้พลังงานที่เก็บไว้ในศูนย์พลังงานสามส่วนแรกของร่างกาย ไหลไปสู่สมอง ทำให้เรามีพลังงานมากขึ้นในการเยียวยาตนเอง สร้างชีวิตที่แตกต่าง หรือมีประสบการณ์ลึกลับ

6. แนวคิดเรื่อง "ศูนย์พลังงาน" มีความสำคัญอย่างไรในการทำความเข้าใจการไหลเวียนของพลังงานในร่างกาย?
ร่างกายของเรามี "ศูนย์พลังงาน" หรือที่เรียกว่าจักระ ซึ่งแต่ละศูนย์มีระบบชีววิทยา ฮอร์โมน สารเคมี และ "สมองขนาดเล็ก" เป็นของตัวเอง ซึ่งหมายความว่าแต่ละศูนย์มี "จิต" เป็นของตัวเอง เมื่อศูนย์พลังงานเหล่านี้ถูกกระตุ้นด้วยพลังงานที่มีคำสั่งและความตั้งใจ มันจะกระตุ้นฮอร์โมน เนื้อเยื่อ สารเคมี และการทำงานของเซลล์ และปลดปล่อยพลังงานออกมา ตัวอย่างเช่น หากพลังงานส่วนใหญ่ถูกเก็บไว้ในศูนย์ที่สอง ซึ่งเกี่ยวข้องกับความรู้สึกผิด ความเศร้า หรือความทุกข์ เราอาจมีอาการทางกายภาพ เช่น คลื่นไส้ หรือปวดท้อง การทำความเข้าใจว่าอารมณ์ต่างๆ ทำให้พลังงานถูกเก็บไว้ในศูนย์พลังงานที่เกี่ยวข้องอย่างไร และการฝึก "Blessing of the Energy Centers" สามารถช่วยให้พลังงานในแต่ละศูนย์พัฒนาไปสู่ความถี่ที่สูงขึ้นได้

7. Mind Movies/Kaleidoscope คืออะไร และช่วยในการสร้างความเป็นจริงใหม่ได้อย่างไร?
Mind Movies เป็นเทคนิคที่ Dr. Dispenza ใช้เพื่อช่วยให้นักเรียนของเขาสร้างความทรงจำในอนาคต โดยการรวมภาพที่ทรงพลังและน่าประทับใจของอนาคตเข้ากับคำพูดและวลีที่เสริมเนื้อหา และรวมกับอารมณ์ที่ยกระดับและดนตรีที่สร้างแรงบันดาลใจ เทคนิคนี้ช่วยสร้างความทรงจำระยะยาวที่เปลี่ยนแปลงชีววิทยาของผู้ฝึกได้ คล้ายกับการที่เพลงบางเพลงพาเราย้อนกลับไปในอดีต Mind Movies ก็สามารถพาเราไปสู่ประสบการณ์ในอนาคตได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกระบวนการ "dimensionalizing" ที่นักเรียนจะเลือกฉากจาก Mind Movie และเข้าสู่พื้นที่และเวลานั้นในใจ โดยสัมผัสประสบการณ์นั้นแบบสามมิติโดยใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้า ทำให้ฉากในใจนั้นมีความสมจริงราวกับเป็นประสบการณ์ในชีวิตจริง ซึ่งเป็นการฝึกสมองให้สร้างความเป็นจริงใหม่ในปัจจุบัน

8. แนวคิดของ "Space-Time" และ "Time-Space" แตกต่างกันอย่างไร และส่งผลต่อการรับรู้ความเป็นจริงของเราอย่างไร?
"Space-Time" คือโลกทางกายภาพแบบนิวตันที่อิงจาก "สิ่งที่รู้จัก" ผลลัพธ์ที่คาดการณ์ได้ สสาร และจักรวาลสามมิติที่เราอาศัยอยู่ ซึ่งประกอบด้วยพื้นที่อนันต์ ในมิตินี้ เราใช้ประสาทสัมผัสในการรับรู้และกำหนดความเป็นจริง ทำให้เราประสบกับการแยกออกจากทุกสิ่งในสิ่งแวดล้อม และเวลาปรากฏเป็นเส้นตรง อย่างไรก็ตาม "Time-Space" คือโลกควอนตัมที่ไร้ซึ่งกายภาพ ซึ่งเป็นความเป็นจริงผกผันที่อิงจาก "สิ่งที่ไม่รู้จัก" ความเป็นไปได้ที่ไม่มีที่สิ้นสุด พลังงาน และมิติที่หลากหลายของมัลติเวิร์สที่เราอาศัยอยู่ ในมิตินี้ เราเข้าถึงได้ด้วย "การรับรู้" ในฐานะจิตสำนึก ไม่ใช่ในฐานะร่างกายที่มีประสาทสัมผัส เมื่อเราอยู่ในช่วงเวลาปัจจุบันโดยสมบูรณ์ ไม่มีอดีตหรืออนาคต มีเพียงแค่ "ตอนนี้" ที่ยาวนาน การทำความเข้าใจความแตกต่างนี้เป็นแผนที่สำคัญในการสัมผัสประสบการณ์ความลึกลับของตนเองในฐานะสิ่งมีชีวิตหลายมิติ