Show Notes
- พิกัด Lazada/Shopee: https://9natree.top/book/HealingIstheNewHigh
- พิกัด Kinokuniya: https://9natree.top/p/Kinokuniya/HealingIstheNewHigh
- Kindle [EN] : https://www.amazon.com/dp/B08SGGPTLR?tag=9natree-20
#HealingIstheNewHigh #รีวิวHealingIstheNewHigh #สรุปHealingIstheNewHigh #หนังสือHealingIstheNewHigh
1. หนังสือกล่าวถึงประเด็นหลักอะไรบ้าง?
หนังสือเล่มนี้มีจุดประสงค์เพื่อนำเสนอเทคนิคการบำบัดภายใน เพื่อช่วยให้ผู้อ่านปล่อยวางอดีตที่ยากลำบากและเยียวยาบาดแผลทางอารมณ์หรือบาดแผลทางใจ โดยนำเสนอแนวคิดว่าผู้อ่านมีศักยภาพและความแข็งแกร่งในการสร้างสรรค์ชีวิตที่คู่ควรกับตนเองและเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้อื่น หนังสือเล่มนี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการยอมรับบาดแผลทางใจที่เคยเกิดขึ้น การค้นพบความเชื่อที่จำกัด และการนำเสนอวิธีการเยียวยาผ่านการฝึกฝนต่างๆ เช่น การทำสมาธิ การเคลื่อนไหวร่างกาย การตั้งขอบเขต และการเขียนความเชื่อใหม่ที่เสริมพลัง
2. ทำไมผู้เขียนจึงตัดสินใจเขียนหนังสือเล่มนี้?
ผู้เขียนได้เขียนหนังสือเล่มนี้ขึ้นจากประสบการณ์ชีวิตที่ไม่ได้ง่ายเสมอไป และจากการที่ได้ใช้เทคนิคการบำบัดภายในที่นำเสนอในหนังสือเพื่อปล่อยวางอดีตที่เจ็บปวดและเยียวยาบาดแผลทางอารมณ์หรือบาดแผลทางใจของตนเอง เขายังต้องการช่วยเหลือผู้อื่นในการก้าวไปข้างหน้าบนเส้นทางการเยียวยาของตนเองด้วย การแบ่งปันเรื่องราวส่วนตัว โดยเฉพาะเรื่องราวการเลิกราที่เจ็บปวด ก็เพื่อแสดงให้เห็นถึงความเต็มใจที่จะเปิดเผยส่วนที่มืดมิดของตนเอง เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้อ่านทำเช่นเดียวกันและดึงแสงสว่างกลับเข้ามาในชีวิต
3. บาดแผลทางใจส่งผลกระทบต่อบุคคลอย่างไรบ้างตามที่กล่าวในหนังสือ?
หนังสือกล่าวว่าบาดแผลทางใจบิดเบือนและทำให้ความคิดเชิงลบ ความรู้สึก และความรู้สึกทางกายเข้มข้นขึ้น ทำให้เรามีผิวหนังที่บางลง ไวต่อความรู้สึกมากเกินไป เฝ้าระวังมากเกินไป และมีแนวโน้มที่จะเจ็บปวด บาดแผลทางใจมักจะเป็นแบบครอบคลุม ทำให้ความสนใจของเราจดจ่ออยู่ที่ความเจ็บปวดและการพยายามหลีกเลี่ยงมันอย่างยิ่งยวด นอกจากนี้ บาดแผลทางใจยังฝังอยู่ในร่างกายของเรา อาจปรากฏในรูปแบบของการบาดเจ็บ รอยแผลเป็น หรือท่าทางการเคลื่อนไหวที่พัฒนาขึ้นเนื่องจากการวิพากษ์วิจารณ์หรือความกดดันให้ปฏิบัติตามบรรทัดฐาน
4. แนวคิดเรื่อง "เจ็ดร่างกาย" ที่กล่าวถึงในหนังสือคืออะไร และมีความสำคัญอย่างไรต่อการเยียวยา?
แนวคิดเรื่อง "เจ็ดร่างกาย" หรือเจ็ดชั้นที่ประกอบขึ้นเป็นตัวตนของเราถูกนำเสนอโดยอาศัยการตีความจากบางสำนักโยคะ ซึ่งรวมถึง Kundalini ร่างกายเหล่านี้ได้แก่ กายเนื้อ, ร่างกายแห่งพลังชีวิต , ร่างกายแห่งจิตใจ , ร่างกายแห่งปัญญา , ร่างกายแห่งวิญญาณ , ร่างกายแห่งความสุข , และร่างกายแห่งนิพพาน หนังสืออธิบายว่าบาดแผลทางใจไม่ได้เกิดขึ้นเพียงอย่างเดียว แต่ส่งผลกระทบต่อทั้งเจ็ดร่างกายนี้ และเนื่องจากแต่ละร่างกายมีส่วนในการรับรู้ การเคลื่อนไหว การหายใจ การกระทำ และการใช้ชีวิต การเยียวยาภายในจึงไม่สามารถเกิดขึ้นได้หากเยียวยาเพียงร่างกายเดียว เราต้องทำงานกับทั้งเจ็ดร่างกายและอนุญาตให้เกิดการเชื่อมต่อใหม่ระหว่างร่างกายเหล่านั้น
5. "ความเชื่อที่จำกัด" คืออะไร และเราจะค้นพบและเปลี่ยนแปลงมันได้อย่างไร?
"ความเชื่อที่จำกัด" คือความเชื่อในจิตใต้สำนึกที่เรามีเกี่ยวกับตนเองและโลกที่จำกัดวิธีที่เราใช้ชีวิต ความเชื่อเหล่านี้มักมีรากฐานมาจากประสบการณ์ในอดีต โดยเฉพาะอย่างยิ่งประสบการณ์ที่เจ็บปวด เพื่อค้นพบความเชื่อที่จำกัดเหล่านี้ หนังสือแนะนำการทำสมาธิโดยการทบทวนรายการประวัติส่วนตัว และถามตัวเองว่า "ฉันสร้างความเชื่อเพราะความทรงจำนี้หรือไม่?" เมื่อระบุความเชื่อที่จำกัดได้แล้ว หนังสือแนะนำให้เขียนความเชื่อใหม่ที่เสริมพลัง โดยการมองย้อนกลับไปที่ความทรงจำนั้นและใช้กระบวนการ "Reparenting" หรือการเป็นผู้ใหญ่ที่พูดคุยกับตัวตนในวัยเด็กด้วยความเห็นอกเห็นใจและคำแนะนำที่จำเป็น
6. การตั้งขอบเขตมีความสำคัญอย่างไรต่อการเยียวยาตนเอง?
การตั้งขอบเขตคือการกำหนดขีดจำกัดเพื่อปกป้องอารมณ์ พื้นที่ส่วนตัว และพลังงานของเรา เป็นวิธีสื่อสารให้ผู้อื่นทราบว่าเราไม่พร้อมที่จะยอมรับน้อยกว่าที่เราคู่ควรอีกต่อไป และเราจะไม่ยอมทนต่อการถูกละเลยหรือถูกลืม การตั้งขอบเขตมีความสำคัญในความสัมพันธ์ทุกประเภท และโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่เรารักมากที่สุด เพราะเราได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญจากคนที่เรารัก เมื่อเราเคารพขอบเขตของตนเอง ผู้อื่นก็จะเคารพเช่นกัน และเมื่อเราเริ่มทำเช่นนั้น เราจะเปิดพื้นที่ให้ตัวเองเติบโตในเส้นทางการเยียวยา
7. การฝึกฝนที่แนะนำในหนังสือมีอะไรบ้าง และช่วยในการเยียวยาอย่างไร?
หนังสือแนะนำการฝึกฝนหลายอย่างเพื่อช่วยในการเยียวยาภายใน ซึ่งรวมถึง:
การสแกนร่างกาย: เพื่อเพิ่มความตระหนักรู้เกี่ยวกับความรู้สึกทางกายและตำแหน่งที่บาดแผลอาจถูกเก็บไว้ในร่างกาย
การเคลื่อนไหวร่างกาย: เพื่อสร้างพื้นที่และเปลี่ยนพลังงานในร่างกาย โดยสมมติว่าร่างกายเป็นสิ่งใหม่ ไม่มีบาดแผลหรือความตึงเครียด
การมองโลกจากมุมมองของตนเอง: แทนที่จะกังวลว่าคนอื่นคิดอย่างไรกับเรา ให้พิจารณาว่าเราคิดอย่างไรกับพวกเขา เพื่อสร้างรากฐานที่มั่นคงของตัวตนและความมีคุณค่า
การทำสมาธิกับประวัติส่วนตัว: เพื่อค้นพบความเชื่อที่จำกัดที่เกิดจากประสบการณ์ในอดีต
การเขียนความเชื่อใหม่ที่เสริมพลัง: เพื่อแทนที่ความเชื่อที่จำกัดด้วยความเชื่อที่สนับสนุนและยกระดับ
การทำสมาธิแห่งความเป็นไปได้: เพื่อเชื่อมโยงกับความเชื่อใหม่ที่เสริมพลังและปลูกฝังความรู้สึกของความหวังและความเป็นไปได้ในอนาคต
การทำสมาธิเปลวเทียน: เพื่อเข้าถึงแสงสว่างและความแข็งแกร่งภายในตนเอง และเผาผลาญความกลัวและความเชื่อที่จำกัด
การทำสมาธิแห่งเสรีภาพ: เพื่อเชื่อมต่อกับความรู้สึกของอิสรภาพและการเชื่อมโยงกับสิ่งรอบข้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านการเปิดใจ
การฝึกฝนเหล่านี้มุ่งเน้นไปที่การทำงานกับร่างกาย จิตใจ และอารมณ์ เพื่อปลดปล่อยพลังงานที่ติดขัด เปลี่ยนมุมมอง และสร้างวิถีประสาทใหม่ที่สนับสนุนการเยียวยา
8. แนวคิดเรื่อง "ตัวตนที่แท้จริง" คืออะไร และเราจะเชื่อมต่อกับมันได้อย่างไร?
ในปรัชญาโยคะ "ตัวตนที่แท้จริง" คือศูนย์กลางที่มั่นคงที่เราทุกคนมีอยู่ภายใน เป็นส่วนที่เชื่อมโยงกับทุกสิ่งอย่างนิรันดร์ ไม่ว่าจะเป็นจักรวาล พลังศักดิ์สิทธิ์ หรือสติปัญญาแห่งสากล ตัวตนที่แท้จริงคือเราที่ปราศจากความเจ็บปวดและความกลัว ปราศจากบาดแผลและบาดแผลทางใจ การเชื่อมต่อกับตัวตนที่แท้จริงเกิดขึ้นเมื่อเราปล่อยวางความเชื่อที่จำกัดและมุมมองที่บิดเบือนที่เกิดจากบาดแผล การฝึกฝนการยอมรับ การเรียนรู้ และการเชื่อมต่อกับความอยากรู้อยากเห็นในตนเอง ช่วยให้เราเปิดรับสเปกตรัมของอารมณ์ และเข้าใกล้ความเปราะบางของเราอย่างปลอดภัย ซึ่งนำไปสู่การค้นพบตัวตนที่แท้จริงที่อยู่ภายในเสมอ การทำสมาธิแห่งเสรีภาพที่เน้นการเปิดใจและเชื่อมโยงกับความรู้สึกของ oneness ก็เป็นวิธีหนึ่งในการเชื่อมต่อกับตัวตนที่แท้จริงนี้