Show Notes
- พิกัด Lazada/Shopee: https://9natree.top/book/TheAnxiousGeneration
- พิกัด Kinokuniya: https://9natree.top/p/Kinokuniya/TheAnxiousGeneration
- Kindle [EN] : https://www.amazon.com/dp/B0C9F37G28?tag=9natree-20
#TheAnxiousGeneration #รีวิวTheAnxiousGeneration #สรุปTheAnxiousGeneration #หนังสือTheAnxiousGeneration
1.อะไรคือ "การ Rewiring ครั้งใหญ่ในวัยเด็ก" และ "วัยที่วิตกกังวล"?
หนังสือเล่มนี้ใช้คำว่า "การ Rewiring ครั้งใหญ่ในวัยเด็ก" เพื่ออธิบายการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวัยเด็กและวัยรุ่น ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการเปลี่ยนผ่านไปสู่ "วัยเด็กที่ใช้โทรศัพท์เป็นหลัก" เมื่อเด็ก ๆ ใช้เวลากับหน้าจอมากขึ้น และใช้เวลานอกบ้าน การเล่นอิสระ และการมีปฏิสัมพันธ์แบบตัวต่อตัวน้อยลง การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นสาเหตุหลักที่นำไปสู่ "วัยที่วิตกกังวล" หมายถึงการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของปัญหาสุขภาพจิต เช่น วิตกกังวลและภาวะซึมเศร้าในหมู่เยาวชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน Generation Z ผู้เขียนเปรียบเทียบการเติบโตในสภาพแวดล้อมเช่นนี้กับ "การเติบโตบนดาวอังคาร" ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมที่แตกต่างและท้าทายอย่างมากสำหรับพัฒนาการของเด็ก
2.การเพิ่มขึ้นของความวิตกกังวลและภาวะซึมเศร้าในหมู่เยาวชนมีหลักฐานอย่างไรบ้าง?
แหล่งข้อมูลระบุว่ามีหลักฐานมากมายที่ชี้ให้เห็นถึงการเพิ่มขึ้นของความวิตกกังวลและภาวะซึมเศร้าในหมู่เยาวชน ตัวอย่างเช่น มีการกล่าวถึงการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของปัญหาสุขภาพจิตเหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มเด็กผู้หญิงและวัยรุ่น นอกจากนี้ยังมีการกล่าวถึงอาการของภาวะซึมเศร้าที่สำคัญ ซึ่งรวมถึงอารมณ์ซึมเศร้าและการสูญเสียความสนใจหรือความสุขในกิจกรรมส่วนใหญ่ การเพิ่มขึ้นนี้เชื่อมโยงกับการใช้เวลากับโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มเด็กผู้หญิง
3.เหตุใดจึงกล่าวว่าเด็กผู้หญิงมีความเสี่ยงต่อผลกระทบเชิงลบจากโซเชียลมีเดียมากกว่าเด็กผู้ชาย?
แหล่งข้อมูลอธิบายว่าเด็กผู้หญิงมีความเสี่ยงต่อผลกระทบเชิงลบจากโซเชียลมีเดียมากกว่าเด็กผู้ชายด้วยเหตุผลหลายประการ ประการแรก การรุกรานในเด็กผู้หญิงมักจะเน้นไปที่ความสัมพันธ์มากกว่า หมายถึงการทำร้ายผู้อื่นด้วยการนินทา ทำให้เพื่อนหันหลังให้ หรือลดคุณค่าของผู้อื่นในฐานะเพื่อน โซเชียลมีเดียเป็นพื้นที่ที่เหมาะสมสำหรับการรุกรานประเภทนี้ นอกจากนี้ เด็กผู้หญิงมีแนวโน้มที่จะแบ่งปันอารมณ์และความผิดปกติได้ง่ายขึ้น ซึ่งหมายความว่าความวิตกกังวลและภาวะซึมเศร้าสามารถแพร่กระจายผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ได้อย่างรวดเร็ว ประการสุดท้าย โซเชียลมีเดียส่งเสริมการเปรียบเทียบทางสังคมและความสมบูรณ์แบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านการใช้ฟิลเตอร์ความงาม ซึ่งทำให้เด็กผู้หญิงรู้สึกแย่กับรูปลักษณ์ของตนเองและเปรียบเทียบตนเองกับผู้อื่นอย่างต่อเนื่อง
4.บทบาทของการเล่นและประสบการณ์ในโลกแห่งความเป็นจริงมีต่อพัฒนาการของเด็กอย่างไร?
แหล่งข้อมูลเน้นย้ำถึงความสำคัญของการเล่นและประสบการณ์ในโลกแห่งความเป็นจริงสำหรับพัฒนาการของเด็ก การเล่นอิสระโดยปราศจากการดูแลของผู้ใหญ่มากเกินไป ช่วยให้เด็กพัฒนาความสามารถในการรับมือกับความเสี่ยง แก้ไขปัญหา และสร้างความสัมพันธ์ การขาดการเล่นอิสระและการใช้เวลากลางแจ้งน้อยลง ทำให้เด็กขาดโอกาสในการพัฒนา "ระบบภูมิคุ้มกันทางจิตวิทยา" ซึ่งจำเป็นสำหรับการรับมือกับความเครียดและความท้าทายในชีวิต นอกจากนี้ ประสบการณ์ในโลกแห่งความเป็นจริง เช่น การใช้เวลากับเพื่อนแบบตัวต่อตัว การทำงาน และการรับผิดชอบ ช่วยให้เด็กพัฒนาทักษะที่จำเป็นสำหรับการเปลี่ยนผ่านสู่ความเป็นผู้ใหญ่
5.พัฒนาการของสมองและช่วงวัยที่อ่อนไหว เกี่ยวข้องกับผลกระทบของสภาพแวดล้อมอย่างไร?
แหล่งข้อมูลกล่าวถึงพัฒนาการของสมองและช่วงวัยที่อ่อนไหว ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สมองกำลังพัฒนาอย่างรวดเร็วและมีความยืดหยุ่นสูงต่ออิทธิพลจากสภาพแวดล้อม วัยรุ่นเป็นช่วงวัยที่อ่อนไหวนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับ "การเรียนรู้ทางสังคม" และ "ระบบความหมายทางวัฒนธรรม" การสัมผัสกับสภาพแวดล้อมแบบ "โทรศัพท์เป็นหลัก" ในช่วงเวลานี้สามารถมีผลกระทบอย่างมากต่อโครงสร้างและฟังก์ชันของสมอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งส่วนที่เกี่ยวข้องกับการให้รางวัล การควบคุมสมาธิ และการประมวลผลข้อมูลทางสังคม
6."โหมดการค้นหา" และ "โหมดการป้องกัน" คืออะไร และเกี่ยวข้องกับสุขภาพจิตอย่างไร?
แหล่งข้อมูลอธิบายถึงสองระบบของสมอง: ระบบการกระตุ้นพฤติกรรม หรือเรียกว่า "โหมดการค้นหา" ซึ่งทำงานเมื่อตรวจพบโอกาส และระบบการยับยั้งพฤติกรรม หรือเรียกว่า "โหมดการป้องกัน" ซึ่งทำงานเมื่อตรวจพบภัยคุกคาม โหมดการค้นหานำไปสู่ความอยากรู้อยากเห็น การสำรวจ และการเรียนรู้ ในขณะที่โหมดการป้องกันนำไปสู่ความกลัว ความวิตกกังวล และการหลีกเลี่ยง การใช้ชีวิตในสภาพแวดล้อมที่กระตุ้นโหมดการป้องกันอย่างต่อเนื่อง เช่น สภาพแวดล้อมออนไลน์ที่มีการกลั่นแกล้ง การเปรียบเทียบ และภัยคุกคาม อาจนำไปสู่ปัญหาความวิตกกังวลและภาวะซึมเศร้าได้
7.โซเชียลมีเดียและสมาร์ทโฟนส่งผลกระทบต่อสมาธิอย่างไร?
แหล่งข้อมูลชี้ให้เห็นว่าโซเชียลมีเดียและสมาร์ทโฟนส่งผลกระทบอย่างมากต่อสมาธิ ด้วยการแจ้งเตือนและการรบกวนอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิด "การแตกเป็นเสี่ยงๆ ของสมาธิ" ซึ่งทำให้ยากต่อการจดจ่ออยู่กับสิ่งเดียว การใช้สมาร์ทโฟนและโซเชียลมีเดียเป็นประจำสร้าง "ตารางการเสริมแรงแบบแปรผัน" ซึ่งเป็นกลไกเดียวกับที่ใช้ในการพนัน ทำให้ผู้ใช้ติดอยู่กับแอปพลิเคชันและตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลเสียต่อความสามารถในการรักษาสมาธิและการทำงานบริหาร
8.อะไรคือแนวทางแก้ไขที่เสนอเพื่อจัดการกับวิกฤตสุขภาพจิตในวัยเยาว์นี้?
แหล่งข้อมูลเสนอแนวทางแก้ไขหลายประการเพื่อจัดการกับวิกฤตสุขภาพจิตในวัยเยาว์นี้ ซึ่งรวมถึง: การกำหนด "วัยผู้ใหญ่ออนไลน์" ที่ 16 ปี, การยืนยันอายุที่เข้มงวดสำหรับแพลตฟอร์มออนไลน์, การกำหนด "หน้าที่ในการดูแล" ให้กับบริษัทเทคโนโลยีเพื่อให้แน่ใจว่าบริการของตนปลอดภัยสำหรับเด็ก, การห้ามใช้โทรศัพท์ในโรงเรียนจนกว่าจะถึงชั้นมัธยมปลาย นอกจากนี้ยังมีการส่งเสริม "วัยเด็กที่ใช้โทรศัพท์พื้นฐานเป็นหลัก" ซึ่งอนุญาตให้ใช้โทรศัพท์พื้นฐานได้แทนสมาร์ทโฟน นอกจากนี้ยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการส่งเสริมการเล่นอิสระ การใช้เวลากลางแจ้ง และการสร้าง "ย่านที่เหมาะสำหรับเด็ก" ที่ปลอดภัยสำหรับการเล่น