[รีวิว] Moonwalking with Einstein (Joshua Foer) สรุปหนังสือ

[รีวิว] Moonwalking with Einstein (Joshua Foer) สรุปหนังสือ
9Natree Thailand
[รีวิว] Moonwalking with Einstein (Joshua Foer) สรุปหนังสือ

May 21 2025 | 00:09:00

/
Episode May 21, 2025 00:09:00

Show Notes

ประเด็นที่น่าสนใจของหนังสือ Moonwalking with Einstein เขียนโดย Joshua Foer

- พิกัด Lazada/Shopee: https://9natree.top/book/MoonwalkingwithEinstein
- พิกัด Kinokuniya: https://9natree.top/p/Kinokuniya/MoonwalkingwithEinstein
- Kindle [EN] : https://www.amazon.com/dp/B004H4XI5O?tag=9natree-20

#MoonwalkingwithEinstein #รีวิวMoonwalkingwithEinstein #สรุปMoonwalkingwithEinstein #หนังสือMoonwalkingwithEinstein

1.ปรากฏการณ์ความจำแบบ "ภาพถ่าย" คืออะไร และมีอยู่จริงหรือไม่?
จากแหล่งที่มา ปรากฏการณ์ความจำแบบ "ภาพถ่าย" ถือเป็นตำนานที่น่ารังเกียจและไม่มีอยู่จริง Ed ซึ่งเป็นนักกีฬาทรงจำที่มีความสามารถในการจดจำตัวเลขจำนวนมากได้อย่างง่ายดาย ยืนยันว่าความจำของเขานั้นธรรมดา และกล่าวว่าทุกคนมีความจำเฉลี่ยที่ทรงพลังอย่างน่าทึ่งหากนำมาใช้อย่างถูกต้อง John Merritt ซึ่งเป็นนักวิจัยที่ทำการตรวจคัดกรองจำนวนมากเพื่อหาความสามารถในการจำแบบภาพถ่าย ก็พบว่าไม่มีใครที่สามารถทำได้อย่าง Elizabeth เด็กสาวที่ถูกรายงานว่ามีความสามารถนี้ แต่ก็ไม่สามารถทำซ้ำได้ในภายหลัง Stephen Wiltshire ซึ่งถูกเรียกว่า "human camera" สำหรับความสามารถในการวาดภาพสเก็ตช์จากความจำหลังจากมองเพียงไม่กี่วินาที ก็ไม่ได้มีความจำแบบภาพถ่ายที่แท้จริง จิตใจของเขาไม่ได้ทำงานเหมือนเครื่องถ่ายเอกสาร และความสามารถของเขาก็จำกัดอยู่เพียงการวาดวัตถุและฉากบางประเภทเท่านั้น ดังนั้น แหล่งที่มาจึงชี้ให้เห็นว่าความจำแบบภาพถ่ายตามความเข้าใจทั่วไปนั้นเป็นเพียงตำนาน

2.เทคนิค "วังแห่งความจำ" หรือที่รู้จักในชื่อ "ศิลปะแห่งความจำ" คืออะไร และมีหลักการทำงานอย่างไร?
"วังแห่งความจำ" เป็นเทคนิคช่วยจำอายุ 2,500 ปีที่ Simonides of Ceos กล่าวกันว่าเป็นผู้คิดค้นขึ้น หลักการพื้นฐานคือการเปลี่ยนข้อมูลที่ไม่น่าจดจำ เช่น ตัวเลข สายอักขระ หรือรายการสิ่งของ ให้เป็นชุดของภาพที่น่าสนใจ และนำมาจัดเรียงทางจิตใจภายในพื้นที่ที่จินตนาการไว้ ซึ่งโดยทั่วไปคือสถานที่ที่คุ้นเคยเป็นอย่างดี เช่น บ้านในวัยเด็ก หรือเส้นทางในเมือง เพื่อใช้เทคนิคนี้ บุคคลจะสร้าง "เส้นทาง" ทางจิตใจภายในพื้นที่นั้น และ "วาง" ภาพของรายการที่ต้องการจดจำไว้ที่จุดต่างๆ ตลอดเส้นทาง เมื่อต้องการระลึกถึงรายการเหล่านั้น เพียงแค่เดินย้อนรอยตามเส้นทางในจินตนาการ ซึ่งจะทำให้ภาพและสิ่งของที่เกี่ยวข้องผุดขึ้นมาในความคิด เทคนิคนี้อาศัยความจริงที่ว่ามนุษย์มีความสามารถในการเรียนรู้พื้นที่ได้ดีมาก และการใช้ความจำเชิงพื้นที่นี้ช่วยให้สิ่งของที่ลืมง่ายกลายเป็นสิ่งที่ลืมไม่ได้ วังแห่งความจำไม่จำเป็นต้องเป็นวังเสมอไป แต่สามารถเป็นเส้นทาง สถานีรถไฟ หรือแม้กระทั่งส่วนต่างๆ ของร่างกาย ตราบใดที่มีการจัดเรียงที่เป็นระเบียบและคุ้นเคย

3.Savants คือใคร และความสามารถพิเศษของพวกเขาแตกต่างจากความสามารถที่ฝึกฝนผ่านเทคนิคช่วยจำอย่างไร?
Savants คือบุคคลที่มีความบกพร่องทางจิตใจอย่างรุนแรง แต่มีความสามารถพิเศษที่โดดเด่นในด้านใดด้านหนึ่ง เช่น การจดจำตัวเลข การคำนวณทางจิตใจ หรือทักษะทางศิลปะ/กลไกพิเศษ Treffert แบ่ง savants ออกเป็นสามประเภท: "splinter skill" savants , "talented savants" และ "prodigious savants" แม้ว่า savants บางคน เช่น S และ Daniel Tammet จะมีความสามารถในการจดจำที่ดูเหมือนมหัศจรรย์ แต่แหล่งที่มาก็ชี้ให้เห็นว่าความสามารถเหล่านี้อาจมีรากฐานมาจากเงื่อนไขที่หายาก เช่น synesthesia ที่เชื่อมโยงประสาทสัมผัสต่างๆ เข้าด้วยกัน ทำให้ข้อมูลนามธรรมกลายเป็นภาพที่น่าจดจำ อย่างไรก็ตาม แหล่งที่มาก็ตั้งคำถามว่า Daniel Tammet ซึ่งเป็น savant ที่มีชื่อเสียง อาจเป็นนักฝึกความจำที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างหนักมากกว่าจะเป็น savant โดยธรรมชาติ ความแตกต่างที่สำคัญคือความสามารถที่ได้จากเทคนิคช่วยจำนั้นเกิดจากการฝึกฝนอย่างเป็นระบบและการประยุกต์ใช้กลยุทธ์เฉพาะ ในขณะที่ความสามารถของ savant มักปรากฏขึ้นเองตามธรรมชาติและมักเกี่ยวข้องกับความบกพร่องในด้านอื่นๆ

4.Synesthesia มีผลต่อความจำอย่างไร และเกี่ยวข้องกับความสามารถของ savant หรือนักฝึกความจำหรือไม่?
Synesthesia เป็นความผิดปกติทางการรับรู้ที่หายากซึ่งประสาทสัมผัสต่างๆ จะผสมผสานกันอย่างประหลาด สำหรับ S เสียงทุกเสียงมีสี เนื้อสัมผัส และบางครั้งก็มีรสชาติเป็นของตัวเอง และกระตุ้นให้เกิด "ความรู้สึกที่ซับซ้อนทั้งหมด" ในกรณีของ Daniel Tammet ตัวเลขจะมีรูปร่าง สี เนื้อสัมผัส และ "น้ำเสียง" ทางอารมณ์ที่แตกต่างกัน Synesthesia สามารถมีอิทธิพลอย่างมากต่อความจำได้ เนื่องจากมันเปลี่ยนข้อมูลนามธรรม เช่น ตัวเลขหรือคำพูด ให้เป็นภาพที่น่าสนใจและหลายประสาทสัมผัสซึ่งฝังแน่นอยู่ในเครือข่ายของสิ่งที่บุคคลนั้นรู้อยู่แล้ว ทำให้จดจำได้ง่ายขึ้น ทั้ง S และ Daniel Tammet ซึ่งได้รับการพิจารณาว่าเป็น savants ที่มีชื่อเสียง มี synesthesia ซึ่งอาจอธิบายถึงความสามารถทางความจำที่โดดเด่นของพวกเขา นอกจากนี้ เทคนิคช่วยจำ เช่น การเปลี่ยนชื่อให้เป็นภาพที่สดใส ถือเป็นรูปแบบของการสร้าง synesthesia แบบประดิษฐ์ ซึ่งช่วยให้ข้อมูลที่น่าเบื่อจดจำได้ง่ายขึ้น ดังนั้น Synesthesia สามารถทำหน้าที่เป็นกลไกทางธรรมชาติที่ช่วยเพิ่มความจำ และเทคนิคช่วยจำบางอย่างก็เลียนแบบผลกระทบนี้

5.นอกเหนือจาก "วังแห่งความจำ" มีเทคนิคช่วยจำอื่นๆ ที่กล่าวถึงในแหล่งที่มาหรือไม่?
ใช่ แหล่งที่มากล่าวถึงเทคนิคช่วยจำอื่นๆ หลายอย่าง:
Chunking: เป็นวิธีลดจำนวนรายการที่ต้องจดจำโดยการเพิ่มขนาดของแต่ละรายการ เช่น การแบ่งหมายเลขโทรศัพท์หรือหมายเลขบัตรเครดิตออกเป็นกลุ่ม การทำเช่นนี้ทำให้สมองสามารถประมวลผลข้อมูลเป็นหน่วยที่ใหญ่ขึ้น ทำให้ง่ายต่อการจดจำ
การเชื่อมโยงเสียงของชื่อกับภาพที่ชัดเจน: เป็นเทคนิคที่ใช้ในการจดจำชื่อผู้คน โดยการสร้างภาพที่สดใสในใจที่เชื่อมโยงใบหน้าของบุคคลนั้นเข้ากับภาพที่เชื่อมโยงกับเสียงของชื่อ เช่น Foer เป็น fours หรือ Reagans เป็น ray guns วิธีนี้ทำให้ชื่อที่ปกติแล้วจะไม่น่าจดจำกลายเป็นสิ่งที่น่าสนใจและง่ายต่อการจำ
Major System : เป็นรหัสง่ายๆ ที่แปลงตัวเลขเป็นเสียงสัทศาสตร์ เสียงเหล่านี้สามารถเปลี่ยนเป็นคำ ซึ่งจากนั้นสามารถกลายเป็นภาพสำหรับวังแห่งความจำได้ ระบบนี้ช่วยให้การจดจำตัวเลขจำนวนมากง่ายขึ้นโดยการเปลี่ยนให้เป็นภาพที่จับต้องได้มากขึ้น
Person-Action-Object System : เป็นระบบที่ใช้สำหรับการจดจำไพ่หรือตัวเลข โดยแต่ละไพ่หรือตัวเลขจะเชื่อมโยงกับภาพของบุคคล การกระทำ และวัตถุ ระบบขั้นสูง เช่น ที่ Ben Pridmore ใช้ สร้างภาพที่ไม่ซ้ำกันสำหรับไพ่แต่ละคู่ ทำให้สามารถจดจำไพ่จำนวนมากได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
Memoria rerum และ memoria verborum : แหล่งที่มากล่าวถึงการถกเถียงโบราณว่าควรจดจำเนื้อหาหรือคำต่อคำ Memoria verborum ซึ่งเกี่ยวข้องกับการสร้างภาพจำนวนมากสำหรับทุกคำ ถูกมองว่าไม่มีประสิทธิภาพและไม่เสถียร แต่เทคนิคในการจดจำคำต่อคำยังคงพัฒนาต่อไป เช่น การสร้างภาพสำหรับคำที่มองเห็นได้ยากโดยใช้คำพ้องเสียงหรือระบบสัญลักษณ์
Method Acting: แม้ว่าจะไม่ใช่เทคนิคช่วยจำโดยตรง แต่ก็ถูกกล่าวถึงว่าเป็นวิธีทำให้คำพูดน่าจดจำมากขึ้นโดยการฝังไว้ในบริบทของอารมณ์และทางกายภาพ ซึ่งช่วยให้มีจุดเชื่อมโยงทางความจำมากขึ้น

6.ความจำเฉลี่ยของมนุษย์ถูกมองว่าทรงพลังเพียงใด และความสามารถของ savants หรือนักฝึกความจำนั้นเป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้หรือไม่?
Ed และนักกีฬาทรงจำคนอื่นๆ ยืนยันว่าความจำเฉลี่ยของมนุษย์นั้น "ทรงพลังอย่างน่าทึ่งหากนำมาใช้อย่างถูกต้อง" พวกเขาเชื่อว่าใครก็ตามสามารถปรับปรุงความจำของตนเองได้ โดยการเรียนรู้ที่จะ "คิดในแบบที่น่าจดจำมากขึ้น" ผ่านเทคนิคต่างๆ เช่น วังแห่งความจำ แหล่งที่มาแนะนำว่าความสามารถที่น่าทึ่งของ S อาจมีอยู่ในตัวเราทุกคน และสิ่งเหล่านี้สามารถปลุกให้ตื่นขึ้นได้ Daniel Tammet ซึ่งเป็น savant ที่มีชื่อเสียงที่สุด ก็อาจเป็นเพียงนักฝึกความจำที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างหนัก แหล่งที่มาเสนอแนวคิดที่สร้างแรงบันดาลใจยิ่งกว่าว่าเราทุกคนมีความสามารถที่น่าทึ่งซ่อนอยู่ภายในตัวเรา หากเราเพียงแต่พยายามปลุกมันขึ้นมา แม้ว่าจะมีข้อสงสัยเกี่ยวกับสถานะ savant ที่แท้จริงของ Daniel แต่ความเป็นไปได้ที่ความสามารถของเขาเกิดจากการฝึกฝนอย่างเข้มงวดและพยายามอย่างมากก็เป็นแนวคิดที่น่ายกย่องอย่างยิ่ง

7.การอ่านในสมัยโบราณแตกต่างจากการอ่านในปัจจุบันอย่างไร และสิ่งนี้บอกอะไรเราเกี่ยวกับความจำในอดีต?
ในสมัยกรีกโบราณและจนถึงยุคกลาง การอ่านส่วนใหญ่ทำโดยใช้ scriptio continua ซึ่งเป็นรูปแบบการเขียนที่ไม่มีการแบ่งวรรคตอนหรือการเว้นวรรคระหว่างคำ ตัวอักษรใน scriptio continua ทำหน้าที่เหมือนโน้ตดนตรี ซึ่งบ่งบอกถึงเสียงที่ควรออกมาจากปาก การจะเข้าใจข้อความดังกล่าวได้ จำเป็นต้องอ่านออกเสียงก่อน เพื่อที่จะ "รู้ซ้ำ" หรือ "จดจำ" คำพูดเหล่านั้น ในสมัยโบราณ คำภาษากรีกที่ใช้กันทั่วไปที่สุดในการบ่งบอกถึง "การอ่าน" คือ ánagignósko ซึ่งแปลว่า "รู้ซ้ำ" หรือ "จดจำ" สิ่งนี้ชี้ให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างผู้อ่านกับข้อความที่ไม่คุ้นเคยจากมุมมองสมัยใหม่ การอ่านถือเป็นการแสดงประเภทหนึ่งที่มักจะทำต่อหน้าผู้ชม การอ่านเงียบเป็นเรื่องผิดปกติมากจนนักบุญออกัสตินในศตวรรษที่ 4 ถึงกับบันทึกพฤติกรรมที่ผิดปกตินี้ไว้ใน Confessions การขาดการแบ่งวรรคตอนและช่องว่างในสมัยโบราณบอกเป็นนัยว่าการอ่านในเวลานั้นเน้นไปที่การจดจำและการท่องจำข้อความมากกว่าการทำความเข้าใจเนื้อหาอย่างรวดเร็วและเงียบๆ การเปลี่ยนแปลงไปสู่การเว้นวรรคและการใช้เครื่องหมายวรรคตอนที่เพิ่มขึ้นในภายหลังทำให้การอ่านเงียบเป็นไปได้และเปลี่ยนความสัมพันธ์ระหว่างผู้อ่านกับข้อความ

8.นอกเหนือจากความสามารถทางความจำที่โดดเด่น อะไรคือลักษณะอื่นๆ ที่น่าสนใจของนักกีฬาทรงจำหรือ savants ที่กล่าวถึงในแหล่งที่มา?
แหล่งที่มากล่าวถึงลักษณะที่น่าสนใจอื่นๆ ของนักกีฬาทรงจำและ savants:
ลักษณะส่วนบุคคลและนิสัย: Ed ถูกอธิบายว่ามีใบหน้าเป็นก้อน ผมสีน้ำตาลหยิกยาวถึงไหล่ ไม่ค่อยสนใจสุขอนามัยส่วนบุคคล และเดินกะเผลกโดยใช้ไม้เท้า Buzan ดูแก่กว่าอายุจริงหนึ่งทศวรรษ แต่ร่างกายฟิต เขาพายเรือ กินอาหารเพื่อสุขภาพ และฝึก Alexander Technique เขากระโดดโลดเต้นด้วยความแม่นยำและมีท่าทางที่ชัดเจน Ben Pridmore มีลักษณะคล้ายตัวการ์ตูน ใส่แว่นตาที่กลืนใบหน้า และเดินกะเผลก เขาเป็นคนพูดน้อยและเชื่อว่าเป็นผู้ที่ลาออกจากวิทยาลัยที่อายุน้อยที่สุดในอังกฤษ ลักษณะเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความหลากหลายของบุคลิกภาพในกลุ่มนักกีฬาทรงจำ
ข้อจำกัดและความท้าทาย: แม้จะมีความจำที่โดดเด่น แต่ Ed ก็ลืมชื่อสุดท้ายของ Josh เมื่ออยู่ภายใต้ฤทธิ์แอลกอฮอล์ ซึ่งบ่งชี้ถึงข้อจำกัดของเทคนิคช่วยจำของเขาภายใต้สถานการณ์บางอย่าง Ben Pridmore มีจุดอ่อนในการจดจำชื่อและใบหน้า และกำลังพัฒนาระบบเพื่อแก้ไขปัญหานี้ S ซึ่งมีความจำแบบ hyperthymestic กลับมีปัญหาในการทำความเข้าใจแนวคิดนามธรรมและอุปมาอุปไมย เนื่องจากภาพที่ปรากฏขึ้นเองทำให้เขาลืมสิ่งเหล่านี้ สิ่งนี้ชี้ให้เห็นว่าความจำพิเศษในด้านหนึ่งอาจมาพร้อมกับความท้าทายในด้านอื่นๆ
ความสามารถอื่นๆ: Daniel Tammet ซึ่งถูกพิจารณาว่าเป็น prodigious savant นอกจากความสามารถทางความจำแล้ว ยังเป็น hyperpolyglot และสามารถทำการคำนวณทางจิตใจที่ซับซ้อนได้อย่างง่ายดาย Kim Peek ซึ่งเป็น savant อีกคนหนึ่ง ก็มีความรู้มากมายมหาศาลในหลากหลายสาขา แม้ว่า IQ ของเขาจะต่ำและมีปัญหาในการเข้าสังคม ลักษณะเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าความสามารถที่โดดเด่นอาจปรากฏในหลายรูปแบบ
มุมมองต่อความฉลาดและความสำเร็จ: Tony Buzan ผู้คิดค้น Mind Mapping ตั้งคำถามถึงความหมายของความฉลาดและวิธีที่ระบบการศึกษาแบบดั้งเดิมระบุและวัดผลความฉลาด เขเชื่อว่าความฉลาดนั้นกว้างกว่าการจำข้อเท็จจริงง่ายๆ Ed แสดงความคิดเห็นที่รุนแรงต่อกฎหมาย โดยมองว่าเป็น "เกมที่มีผลรวมเป็นศูนย์" และ "การใช้ชีวิตอย่างไร้ประโยชน์" ซึ่งสะท้อนถึงมุมมองที่ไม่ธรรมดาต่ออาชีพดั้งเดิม Rod พ่อของ Ed จะชอบให้ลูกชายเป็นทนายความมากกว่าที่จะเป็นกูรูด้านการพัฒนาตนเอง แสดงให้เห็นถึงความคาดหวังของสังคมต่อความสำเร็จ


Other Episodes

June 03, 2025

[รีวิว] Becoming Supernatural (Joe Dispenza) สรุปหนังสือ

ประเด็นที่น่าสนใจของหนังสือ Becoming Supernatural เขียนโดย Joe Dispenza - พิกัด Lazada/Shopee: https://9natree.top/book/BecomingSupernatural - พิกัด Kinokuniya: https://9natree.top/p/Kinokuniya/BecomingSupernatural - Kindle [EN] : https://www.amazon.com/dp/B0746RN3G7?tag=9natree-20 #BecomingSupernatural #รีวิวBecomingSupernatural #สรุปBecomingSupernatural #หนังสือBecomingSupernatural 1....

Play

00:09:02

May 15, 2025

[รีวิว] The Subtle Art of Not Givinga Fck (Mark Manson) สรุปหนังสือ

ประเด็นที่น่าสนใจของหนังสือ The Subtle Art of Not Givinga Fck เขียนโดย Mark Manson - พิกัด Lazada/Shopee: https://9natree.top/book/TheSubtleArtofNotGivingaFck - พิกัด Kinokuniya: https://9natree.top/p/Kinokuniya/TheSubtleArtofNotGivingaFck - Kindle [EN] : https://www.amazon.com/dp/B019MMUA8S?tag=9natree-20...

Play

00:09:14

May 12, 2025

[รีวิว] Atomic Habits (James Clear) สรุปหนังสือ

ประเด็นที่น่าสนใจของหนังสือ Atomic Habits เขียนโดย James Clear - พิกัด Lazada/Shopee: https://9natree.top/book/AtomicHabits - พิกัด Kinokuniya: https://9natree.top/p/Kinokuniya/AtomicHabits - Kindle [EN] : https://www.amazon.com/dp/B07D23CFGR?tag=9natree-20 #AtomicHabits #รีวิวAtomicHabits #สรุปAtomicHabits #หนังสือAtomicHabits Atomic...

Play

00:08:09